วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

ภูเรือ - เชียงคาน จังหวัดเลย


    ภูเรือ  มีอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ยอดภูเรือมักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสไอหนาว จนบางครั้งแทบจะหาที่ว่างไม่มี โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกี ด้วยความงามทางธรรมชาติ ประกอบกับมีพันธุ์ไม้ดอกจนเมืองหนาวมากมาย จนได้ชื่อว่า ภูเรือเมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู


ยอดภูเรือ เป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานหินที่มีทุ่งหญ้าขึ้นแซมสลับกับป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติและสนสามใบที่เป็นสนปลูก จากจุดนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและ แม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาวได้



  อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนืออยู่ติดกับประเทศลาว รูปพรรณสันฐานของภูเรือมีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือใหญ่บนยอดดอยสูงเป็นภูผา สีสันสะดุดตาหินบางก้อนมีลักษณะเหมือนถูกปั้นแต่งไว้ ชาวบ้านเรียกว่า “กว้านสมอ” โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ใกล้เคียงเป็นฝ้าขาวด้วยละอองน้ำ หมอก ปกคลุมไว้ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร






 ลานกางเต็นท์ผาสน เป็นลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่มีเต็นท์ให้บริการด้วย หรือจะเตรียมมาเองก็จ่ายค่าสถานที่ รอบๆ ลานกางเต็นท์เต็มไปด้วยต้นสน มีศาลาชมวิวอยู่ผาทางตะวันตกของภูเรือห่างจากลานกางเต็นท์ไม่ถึง 100 เมตร ตกเย็นจะเห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับหายไปจากขอบฟ้าอย่างสวยงาม



 พระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดภูเรือ ตอนเช้าผู้คนก็จะแห่กันขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น  ไม่นานนัก พระอาทิตย์ก็ค่อยๆเผยโฉม เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟตพรึบพับไปหมด เพื่อเก็บภาพควาประทับใจให้ได้มากที่สุด









   พระธาตุศรีสองรัก นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของ อ.ด่านซ้าย ที่เมื่อเอ่ยถึงด่านซ้ายมักจะนึกถึง เหมือนกับประเพณีแห่ผีตาโขน ที่โด่งดังไปทั่วโลก สร้างเมื่อ พ.ศ.2103-2106 เพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกันของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยา กับ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตแห่งเวียงจันท์  เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 8 เมตร สูง 32 เมตร







    วัดเนรมิตวิปัสสนา เป็นวัดที่พระอุโบสถทำด้วยศิลาแลง บริเวณโดยรอบจัดตกแต่งได้อย่างสวยงาม ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง และภาพจิรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ตั้งอยู่บนเนินสูง ห่างจากพระธาตุศรีสองรักเพียงเล็กน้อย เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ใครๆ เมื่อมาเที่ยวด่านซ้ายมักจะไม่พลาดมาเที่ยวชม







    อีกที่หนึ่งที่นิยมไปเที่ยวกันก็คือ แก่งคุดคู้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของเชียงคาน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4.5 กิโลเมตร เป็นแก่งหินขนาดใหญ่อยู่กลางลำน้ำโขง ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดของที่นี่ต้องเป็นช่วงที่น้ำลดในเดือนมกราคม-เมษายน จะเห็นเกาะแก่งต่างๆได้อย่างชัดเจน และลงไปเล่นน้ำและเดินเล่นในลำน้ำโขงได้ ที่นี้ยังมีร้านค้าขายของที่ระลึก ของฝาก อาหารการกินเพียบ












     คนที่ไปเที่ยวเชียงคานส่วนใหญ่จะต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูทะเลหมอกที่ ภูทอก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานไม่ถึง 10 กิโลเมตร จะขับรถไปเอง หรือใช้บริการรถเช่าก็ได้ แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางขึ้นภูต้องจอดรถไว้ และใช้บริการรถของภูทอกต่อเพื่อความเป็นระเบียบและปลอดภัย ยอดภูทอกมีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 1,356 เมตร เป็นที่ชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดในเชียงคาน 




วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก



    นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี นีเป็นสโลแกนในการเชิญชวนให้คนมาเที่ยวที่เขาค้อ เหมือนจะบ่งบอกให้ทราบว่า ที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ พร้อมที่จะให้ความสดชื่นแก่ชีวิตที่กำลังอ่อนล้ากลับมามรพลังที่จะยืนยาวได้ ถ้าได้มาสัมผัส
     ช่วงวันพ่อ(4-5 ธ.ค.53) ได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนพร้อมครอบครัวที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และนอนพักที่รีสอร์ทบนเขาค้อ 2 คืน เหตุที่เลือกไปพักที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะอายุยืนเหมือนสโลแกนที่เขาว่าไว้หรอก เหตุผลใหญ่ก็คือต้องการจะไปเที่ยวที่ภูทับเบิก เขาค้อ เคยมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่เคยนอนพักเลย ก็เลยเลือกพักที่เขาค้อ แล้วเลยต่อไปเที่ยวที่ภูทับเบิกด้วย
     เดินทางจากบ้านที่เมืองนนท์หกโมงเช้า ตามทางหลวงหมายเลข 1 กรุงเทพฯ-สระบุรี แยกไปเพชรบูรณ์ตามทางหลวงหมายเลข 21 ถึงที่พักที่เป็นรีสอร์ทเที่ยงกว่าๆ เก็บข้าวของเข้าที่พัก พักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง จึงออกเดินทางท่องเที่ยวบนเขาค้อตามโปรแกรมที่วางไว้ สิ่งที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปมากของ เขาค้อ ที่ต่างจากการมาครั้งก่อนก็คือ การเกิดขึ้นของที่พักที่เป็นรีสอร์ทที่มีอยู่มากมาย แทบจะเรียกได้ว่ามีอยู่ทุกเนินเขาเลยก็ว่าได้ ที่สะดุดตาและแปลกอีกอย่างเป็นชื่อหมู่บ้าน เช่น บ้านธนิตคำเที่ยง บ้านสิมารักษ์ บ้านเจริญทองนิ่ม บ้านศักดิ์เฉลิมกิจ เป็นต้น ที่ว่าแปลกเพราะชื่อหมู่บ้านแต่ละแห่งมีแต่ชื่อไพเราะคล้ายกับชื่อของคน พอไปค้นจากหนังสือจึงพบว่า ชื่อหมู่บ้านเหล่านี้แท้จริงเป็นชื่อ และนามสกุลของผู้ที่เสียชีวิตจากการสู้รบกับ ผกค. มีทั้งทหาร ตำรวจ บนพื้นที่เขาค้อ ตั้งแต่ปี 2511-2525





      น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นสถานที่แรกที่แวะเที่ยวชม เป็นน้ำตกขนาดกลาง เป็นน้ำตกชั้นเดียว สายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินกว้าง มองดูคล้ายม่านน้ำ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ทางเข้าน้ำตกจะมีร้านขายอาหาร ขายเสื้อผ้า ขายของที่ระลึก ของพวกชาวเขา ที่บริเวณน้ำตกแห่งนี้เคยเป็นแหล่งผลิต และสะสมเสบียงอาหารของ ผกค.มีร่องรอยให้เห็นก็คือ ครกกระเดื่องพลังน้ำ



     พระตำหนักเขาค้อ เป็นสถานที่ต่อไป ภายในพระตำหนักร่มรื่นด้วยต้นสน เป็นอีกจุดหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ของเขาค้อได้อย่างสวยงาม บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ อย่างสวยงาม พระตำหนัก ตั้งอยู่บนเขาย่า อยู่เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,100 เมตร พื้นที่ประมาณ 15 ไร่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2527-2528 เพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยามที่เสด็จมาประกอบพระราชกรณียกิตต่างๆ ในโครงการพระราชดำริ


   มีเรื่องเล่าขานตามตำนาน เขาย่า ว่า ปู่กับย่า อยู่กินกันบนเขาย่าแห่งนี้ด้วยความสุขมานาน วันหนึ่งย่าไปเก็บหอยเพื่อนำมาแก่งหอยขม แต่เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน ส่วนจะด้วยเหตุใด หรือว่าย่าแกงหอยขมไม่อร่อย ตำนานไม่ได้บอกไว้ จนย่าโมโหเทแกงหอยขมทิ้งลงคลอง ทำให้ปู่โกรธมาก จึงได้แยกกันอยู่ตั้งนั้น ปู่ย้ายไปอยู่เขาอีกลูกที่ชุมแพ คือ เขาปู่ ส่วนย่ายังอยู่เขาลูกเดิม ส่วนลูกๆหลานๆ อยู่เขาไหนกันบ้าง อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตำนานไม่ได้บอกไว้


     พระบรมธาตุเจดีย์การญจนาภิเษก เป็นที่สุดท้ายของการเที่ยววันแรก ก่อนที่จะกลับที่พัก เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ สีขาวสูงสง่า มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบย่อมุมไม้สิบสอง ตามแบบเจดีย์สมัยอยุธยา สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 35.66 เมตร ยาว 35.66 เมตร สูง 63.09 เมตร ฐานชั้นบนมีผังแปดเหลี่ยม ฐานชั้นล่างมีซุ้มคูหาสี่ทิศ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ตกแต่งด้วยหินอ่อน และไม้สัก ประชาชนชาวเขาค้อได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น ในวโรกาสปีกาญจนาภิเษก เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2542


   
       เริ่มเช้าวันที่สอง ด้วยการไปเที่ยวที่ ภูทับเบิก แหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ใกล้กับ อช.ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่ ต.วังบาล อ.หล่มเก่า อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,667 เมตร ทางขึ้นเขาค่อนข้างคดเคี้ยวสูงชัน ต้องใช้ฝีมือคนขับ ประกอบกับสมรรถนะของรถที่ดีจึงจะไม่มีปัญหา มีทิวทัศน์สวยงามตลอดเส้นทาง






       ภาพไร่กะหล่ำปลีที่ปลูกตามไหล่เขาไกลสุดสายตา นับเป็นภาพอันโดเด่นของภูทับเบิก





 เดินทางไปเยือนอีกครั้ง (25-26 ต.ค.57) สภาพภูทับเบิกเปลี่ยนไปมาก ภาพไร่กะหล่ำปลีที่ปลูกตามไหล่เขาไกลสุดสายตา มีให้เห็นน้อยลง



  
      อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ดินแดนของเรื่องจริง ไม่ใช่อิงนิยาย ดูร่องรอยในอดีต และมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของธรรมชาติ และเรื่องราวทางการเมืองการทหารที่น่าสนใจ มีร่องรอยให้ได้ศึกษาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตหลายจุด แต่ละจุดแต่ละที่มีที่มาที่ไปอันน่าทึ่งควรแก่การศึกษาทั้งสิ้น อย่าง โรงเรียนการเมืองการทหาร ขณะเดียวกันก็มีความแปลกมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ดู อย่าง ลานหินปุ่ม



   ข้อมูลจากหนังสือบอกว่า ลานหินปุ่ม เกิดจากเปลือกโลกบีบตัว จากพื้นหินเรียบๆ ถูกบีบให้นูนขึ้นเป็นตะปุ่มตะป่ำ และมีอยู่ที่นี่เพียงที่เดียว



 
    การเที่ยว อช.ภูหินร่องกล้า ได้ทั้งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ นับว่าเป็นทริปที่สนุก เพราะมีเรื่องราวให้ติดตาม เหมือนอ่านนวนิยายผจญภัยอย่างไงอย่างนั้นเชียว




   
     เช้าวันที่สาม ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ ได้มาแวะพิพิธภัณฑ์อาวุธ(ฐานอิทธิ) และอนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ ช่วงสองสามวันที่อยู่บนเขาค้อ ได้รับสิ่งดีๆมากมาย อาจจะจริงอย่างเขาว่า นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี เพราะธรรมชาติได้หยิบยื่นให้ทั้งความสวยงาม และอากาศที่บริสุทธิ์ให้ นี้ถ้าเทียบเป็นบันหยัดไตรยางค์แล้ว เรานอน 2 คืน ก็ต้องอายุยืนไปอีก 2 ปี แน่ๆ จริงไหมครับท่าน สวัสดี...